ดาวฤกษ์ (Star)
• ดาวฤกษ์ คือ ก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญ่มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่
• ดาวฤกษ์ต่างจากดาวเคราะห์ที่สามารถผลิตพลังงานได้ด้วยตนเองจึงสามารถเปล่งแสงได้
• ดาวฤกษ์ทุกดวงยกเว้นดวงอาทิตย์ปรากฏเป็นจุดสว่างบนท้องฟ้าซึ่งกะพริบได้เนื่องจากผลของบรรยากาศโลกและระยะห่างจากโลก
• ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์เช่นกัน แต่อยู่ใกล้เราจนปรากฏเป็นแผ่นกลมแทนที่จะเป็นจุด
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์
• ดาวฤกษ์เกิดจากการยุบตัวของเนบิวลา
• ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นบนดาวฤกษ์เรียกว่า เทอร์โมนิวเคลียร์หรือ นิวเคลียร์แบบฟิวชั่น
• วิวัฒนาการและจุดจบของดาวฤกษ์แต่ละดวงขึ้นอยู่กับมวลของดาวฤกษ์
• เนบูลา ที่มีความหนาแน่นมากจะยุบตัวลงเกิดเป็นดาวฤกษ์ก่อนเกิด(Protostar) ซึ่งอุณหภูมิและความดันที่ใจกลางยังไม่มากพอที่จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ขึ้นได้
• เมื่อดาวฤกษ์ยุบตัวภายใต้แรงโน้มถ่วงจนเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แล้วจึงจะเริ่มเปล่งแสงและกลายเป็นดาวฤกษ์โดยสมบูรณ์
• ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย เช่นดวงอาทิตย์จัดว่าเป็นใช้เชื้อเพลิงในอัตราน้อยมีชีวิตยืนยาวมีจุดจบเป็นดาวแคระขาว
• ดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก มีความสว่างมาก ใช้เชื้อเพลิงในอัตราสูง มีชีวิตสั้น
• จุดจบของดาวฤกษ์ทีี่มีมวลมากจะมีการระเบิดอย่างรุนแรง เรียกว่าซุปเปอร์โนวา
• จาก Supernova ดาวฤกษ์จะยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วงและกลายเป็นดาวนิวตรอน หรือหลุมดำ
• การระเบิดของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากนี้ก่อให้เกิดนิวเคลียสของธาตุหนัก เช่น ทองคำ ยูเรเนียม
ดวงอาทิตย์
• ดวงอาทิตย์มีมวลไม่มากพอที่จะให้นิวเคลียสขนาดหนักได้
• ดวงอาทิตย์มีอายุมาแล้ว 5000 ล้านปี และจะมีชีวิตต่อไปอีก5000 ล้านปี
• พลังงานในดวงอาทิตย์ได้มาจากปฏิกิริยา เทอร์โมนิวเคลียร์หรือนิวเคลียแบบฟิวชั่น หาได้จาก E = mc2
• เมื่อใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนหมดแกนกลางจะยุบตัว เกิดการเผาผลาญฮีเลียม แล้วจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นดาวยักษ์แดง(Red Giant)
• เมื่อเชื้อเพลิงฮีเลียมที่ใจกลางหมด ดาวจะยุบตัวลงอีกครั้งขณะที่แก๊สรอบนอกขยายตัวออกบริเวณรอบนอกจะกลายเป็นเนบูลาดาวเคราะห์เหลือดาวแคระขาวไว้ตรงกลาง เช่น เนบูลาวงแหวนในกลุ่มดาวพิณ
• ดาวแคระขาวจะมีความหนาแน่นสูงมาก แต่จะมีมวลสารไม่เกิน 1.4 เท่าของดวงอาทิตย์อุณหภูมิที่ผิวประมาณ 30000 ถึง 200000 เคลวิน
ความสว่างและอันดับความสว่างของดาวฤกษ์
• ความสว่างของดาวฤกษ์เป็นปริมาณพลังงานแสงจากดาวฤกษ์ดวงนั้นใน 1 วินาทีต่อ 1 หน่วยพืื้นทีั
• อ่นดับความสว่าง (โชติมาตร) เป็นตัวเลขที่กำหนดขึ้นโดยมีหลักว่าดาวฤกษ์ริบหรี่ที่สุดที่ตาเปล่ามองเห็น มีอันดับความสว่าง 6และดาวฤกษ์สว่างที่สุดมีอันดับความสว่าง 1
• อันดับความสว่างเป็นตัวเลขที่ไม่มีหน่วย
ความสว่างและอันดับความสว่าง
• อันดับความสว่างต่างกัน 1 สว่างต่างกัน 2.5 เท่า
• อันดับความสว่างต่างกัน 2 สว่างต่างกัน (2.5)2 เท่า
• อันดับความสว่างต่างกัน 3 สว่างต่างกัน (2.5)3 เท่า
• อันดับความสว่างต่างกัน 4 สว่างต่างกัน …….เท่า
• อันดับความสว่างต่างกัน 5 สว่างต่างกัน ..........เท่า
• อันดับความสว่างต่างกัน n สว่างต่างกัน ..........เท่า
ตัวอย่างอันดับความสว่างของดาวบนท้องฟ้า
สีและอุณหภูมิของดาวฤกษ์
• สีของดาวฤกษ์จะมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิที่ผิว และอายุของดาว
• นักดาราศาสตร์จำาแนกดาวฤกษ์ออกเป็นกลุ่มตามสี หรืออุณหภูมิพื้นผิวจำง่ายๆ ได้ด้วยประโยค Oh Be A Fine Girl Kiss Me
• ดาวที่มีสีนํ้าเงิน จะมีอุณหภูมิผิวสูง อายุน้อย
• ดาวที่มีสีส้มแดง จะมีอุณหภูมิผิวตํ่า อายุมาก
• ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์สีเหลือง มีอุณหภูมิผิวประมาณ6,000 เคลวิน
ระยะทางในดาราศาสตร์
1 หน่วยดาราศาสตร์ (Astronomical Unit) มีค่าเท่ากับระยะทางจากดวงอาทิตย์ถึงโลก หรือ 150 ล้าน กิโลเมตร เป็นหน่วยที่ใช้มากในการบอกระยะห่างภายในระบบสุริยะ1 ปีแสง (Light Year) คือ ระยะทางที่แสงเดินทางใช้เวลา 1 ปี คิดเป็นระยะทาง 9.5 × 1012 กิโลเมตร หรือ 63072 A.U.1 ปาร์เสค (Parsec) ระยะทางจากโลกถึงดาวที่มีมุมพาราลแลกซ์เท่ากับ 1 ฟิลิปดา คิดเป็นระยะทาง 206265 A.U. หรือ 3.27 ปีแสง
เนบิวลาสว่างประเภทเรืองแสง(Emission nebulae)
• เนบิวลาคือกลุ่มฝุ่นแก๊สขนาดใหญ่โตมาก ประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียม เป็นแหล่งกำเนิดดาวฤกษ์ เมื่อมองด้วยตาเปล่าหรือใช้กล้องสองตาจะเป็นฝ้า ขาวจางๆ แบ่งออกเป็น 4กลุ่มใหญ่ คือ
1.เนบิวลาสว่างประเภทเรืองแสง (Emission nebula)
2.เนบิวลาสว่างประเภทสะท้อนแสง (Reflective nebula)
3.เนบิวลาดาวเคราะห์(Planetary nebula )
4.เนบิวลามืด (Dark nebula )
เนบิวลาสว่างประเภทเรืองแสง (Emission nebulae)
•บวาเรเนบวลาแบบนจะเรองแสงขนเอง สวนใหญจะเปนอะตอมไฮโดรเจน ซึ่งจะปล่อยแสงสีแดง กับอะตอมของออกซิเจนซึ่งให้แสงสีเขียว เช่น เนบิวลาดาวนายพรานเนบิวลานกอินทรี เนบิวลาสามแฉก เนบิวลาปู เนบิวลาผ้าคลุมไหล่
เนบิวลาสว่างประเภทสะท้อนแสง
• บวลาสวางประเภทสะทเนบวลาระเภทนคลายกบระเภทเรองแสงมากองค์ประกอบของฝุ่นผงเป็นส่วนใหญ่คล้ายควันบุหรี่ ซึ่งจะให้แสงสีน้ำเงินออกมา เช่น เนบิวลาในกระจุกดาวลูกไก่
เนบิวลาดาวเคราะห์
• เนบิวลาประเภทนี้จะเกิดในช่วงสุดท้ายของดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย
• Planetary nebulae ในเอกภพนั้นมีเยอะแยะมากมาย เพราะดาวฤกษ์ส่วนใหญ่จะมีขนาดเท่ากับดวงอาทิตย์ แต่เป็นที่น่าประหลาดใจมากว่า รูปร่างของ Planetary nebular กลับมีหลากหลาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น